โฟมล้างหน้า

เจาะลึกความแตกต่างระหว่าง “เจลล้างหน้า vs โฟมล้างหน้า ” ที่คุณไม่เคยรู้โดยปกติทั่วไปแล้วผู้คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า “ โฟมล้างหน้า และเจลล้างหน้า ” คงจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่จะต่างกันที่เนื้อสัมผัส ซึ่งถ้าใครกำลังมีความคิดแบบนั้นอยู่ เราขอบอกเลยว่าคุณคิดผิด! เพราะตามหลักความเป็นจริงแล้วโฟมล้างหน้าและเจลล้างหน้ามีความแตกต่างกันมากอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสม คุณสมบัติ เนื้อสัมผัส ฯลฯ เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกรายละเอียดของความแตกต่างระหว่างโฟมล้างหน้ากับเจลล้างหน้ากัน ซึ่งเราขอรับรองเลยว่าถ้าคุณได้อ่านจนจบ คุณจะเข้าใจในบริบทของทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปพบกับข้อมูลที่น่าสนใจนี้พร้อมๆ กันเลย!

มาทำความรู้จัก โฟมล้างหน้า และเจลล้างหน้ากันสักนิด

โฟมล้างหน้า

เป็นอย่างที่รู้กันดีกันว่า โฟมล้างหน้า นั้น สามารถทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่ทำให้โฟมล้างหน้านั้นเกิดฟองก็มาจากส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่มีประจุไฟฟ้าเป็นลบ โดยคนไทยมักมีความเชื่อที่ว่ายิ่งฟองเยอะ = ยิ่งสะอาด ซึ่งความเชื่อแบบนี้เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมะหัน เนื่องจากฟองโฟมนั้นอาจจทำให้ผิวหน้ามีอาการแห้งตึงหรือที่เราเรียกว่าหน้าเอี๊ยด! ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ผลดีต่อผิวหน้าของเราอย่างแน่นอน อีกทั้งหากล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าที่มีฟองเยอะเป็นประจำ ก็อาจจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรือเกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขนเอาได้ง่ายๆ ส่วนลักษณะเด่นของโฟมล้างหน้าคือ เนื้อโฟมจะกลายเป็นฟองจำนวนมากเมื่อถูกผสมกับน้ำและผ่านการนวดด้วยมือหรือเครื่องล้างหน้า

คุณสมบัติของโฟมล้างหน้าที่ดี

1.หลังจากล้างหน้า ผิวหน้าต้องไม่แห้งตึงจนเกินไป ไม่รู้สึกว่าหน้าเอี๊ยด!
2.โฟมล้างหน้าที่ดีต้องมีค่า PH ประมาณ 5 – 5.5 เนื่องจากค่า PH ประมาณนี้จะใกล้เคียงกับผิวมากที่สุด
3.มีสารทำความสะอาดหน้าในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เกิดฟองจนมากเกินไป
4.ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสี เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้
5.สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และยังคงไว้ซึ่งความชุ่มชื้น
6.ใช้แล้วต้องไม่เกิดอาการแพ้หรือแสบหน้า
7.ไม่ผสมสารกันเสียหรือแอลกอฮอล์
โฟมล้างหน้าเหมาะกับผิวแบบไหน ?
หากถามว่าโฟมล้างหน้าเหมาะกับผิวแบบไหน เราก็คงจะต้องตอบอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า “เหมาะกับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม” เนื่องจากตัวโฟมฟองละเอียด จะเข้าไปขจัดความมันและสิ่งสกปรกต่างรูขุมได้เป็นอย่างดี ทั้งอย่าลืมเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่มีคุณสมบัติตามที่เราได้กล่าวไปข้างต้น ส่วนผู้ที่มีผิวแห้งอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับโฟมล้างหน้าเท่าไหร่นัก เนื่องจากอาจจะทำให้หน้าแห้งตึงจนเกิดเป็นขลุยเอาได้

เจลล้างหน้าคือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าซึ่งจะคล้ายๆ กับโฟมล้างหน้า แต่! มีความอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า โดยเจลล้างหน้าส่วนใหม่จะยังคงรักษาความชุ่มชื้นของผิวไว้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหลังการล้างหน้าผิวจึงไม่แห้ง ไม่ตึงและไม่เอี๊ยด ส่วนจุดเด่นของเจลล้างหน้าที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “เนื้อผลิตภัณฑ์มีลักษณะเป็นเจลใส มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก และไม่มีฟองหรือมีฟองน้อย” โดยผู้ใช้เจลล้างหน้านั้นสามารถนวดหน้าไปพร้อมๆ กับการความสะอาดได้เลย และก็มักจะมีคำถามตามมาว่าเมื่อเจลล้างหน้าไม่มีฟองโฟมจะสามารถทำความสะอาดจริงดีจริงๆ หรอ ? เราก็บอกได้เลยว่าเจลล้างหน้าจะสามารถกำจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินออกจากผิวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยลดการระคายเคืองของผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าบอบบางหรือแพ้ง่ายอีกด้วย
คุณสมบัติของเจลล้างหน้าที่ดี
1.เจลล้างหน้าที่ดีควรจะเป็นสีขาวใส ไม่มีการผสมสีเพิ่มเติม
2.เนื้อเจลต้องเหลวแต่ไม่ถึงกับเป็นน้ำ มีความหนืดในตัวเองเล็กน้อย
3.ล้างออกง่าย ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้บนผิว
4.ไม่ผสมหัวเชื้อน้ำหอม ที่อาจจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง
5.ไม่มีพาราเบนหรือสารกันเสียเป็นส่วนผสม
6.ปราศจาก SLS และแอลกอฮอล์
7.ค่า PH ต้องอยู่ที่ 5 – 5.5
เจลล้างหน้าเหมาะกับผิวแบบไหน ?
สิ่งที่เจลล้างหน้ามีความโดดเด่นที่เหนือชั้นกว่าโฟมล้างหน้าก็คือ ทุกสภาพผิวสามารถใช้ได้! เนื่องจากตัวเจลล้างหน้านั้นจะไม่มีฟองที่อาจจะเป็นต้นตอของการระคายเคืองและการอุดตันของรูขุมขน ส่งผลให้ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าบอบบาง ผิวหน้าเป็นสิว หรือผู้ที่มีผิวแห้งก็สามารถใช้เจลล้างหน้าได้ แต่! อย่าลืมเลือกเจลล้างหน้าที่มีคุณสมบัติที่เรากล่าวไว้เมื่อข้างต้น ซึ่งเรารับรองเลยว่าปัญหาผิวหน้าของคุณจะค่อยๆ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากคุณลองเปิดใจหันมาเลือกใช้ “เจลล้างหน้า”

Step การล้างหน้าที่จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณแข็งแรง
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่นอกเหนือจากโฟมล้างหน้าและเจลล้างหน้าก็คือ “Step การล้างหน้าที่ถูกต้อง” โดยเราจะขอแยกออกเป็นข้อๆ เพื่อให้คุณได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นดังนี้
Step 1 : ให้คุณบีบโฟมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้าลงบนมือ จากนั้นถูมือจนรู้สึกว่าเนื้อผลิตภัณฑ์ละลาย ซึ่งการทำแบบนี้จะเป็นการช่วยวอร์มตัวผลิตภัณฑ์ให้พร้อมสำหรับการทำความสะอาดผิวหน้า
Step 2 : ค่อยๆ เริ่มทำความสะอาดบริเวณหน้าผากและไล่ลงมาจึงแนวขมับ
Step 3 : ต่อมาคือช่วงแก้ม โดยให้คุณค่อยๆ ล้างไล่ลงมาจากข้างจมูกไปจนถึงขากรรไกร
Step 4 : จากนั้นให้คุณล้างไล่ลงมาตามแนวสันจมูก ริมฝีปากไปจรดที่บริเวณคาง
Step 5 : ในส่วนของช่วงบริเวณหว่างคิ้วให้ค่อยๆ ถูจากล่างขึ้นบนตามแนวขน
ซึ่งทั้ง 5 Step การล้างหน้านี้สามารถใช้กับโฟมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้าได้เลย แต่อย่าลืมขั้นตอนการล้างน้ำสะอาด ที่ต้องล้างจนกว่าคุณจะมั่นใจว่าไม่มีตัวผลิตภัณฑ์ตกค้างหรือหลงเหลืออยู่

สรุปแล้วเราควรใช้โฟมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้าดี ?

สำหรับคำตอบของคำถามนี้คงจะต้องขึ้นอยู่กับความพึ่งพอใจเป็นหลัก เนื่องจากบางคนชอบเนื้อสัมผัสที่ฟองเยอะๆ แต่บางคนก็ชอบความคลีนๆ ของตัวเจลล้างหน้า แต่ถ้าจะให้เราแนะนำแล้วล่ะก็ การใช้เจลล้างหน้าอาจจะตอบโจทย์ความต้องการของผิวได้มากกว่า เพราะไม่ว่าคุณจะมีผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือแม้แต่ผิวที่บอบบางจากการติดสารสเตียรอยด์คุณก็สามารถใช้เจลล้างหน้าได้โดยที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มเติม อีกทั้งการใช้เจลล้างหน้ายังช่วยรักษาสมดุลผิว ไม่ให้แห้งตึงจนเกิดไป หรือสังเกตได้ง่ายๆ เลยก็คือตามคลินิกหรือสถาบันรักษาผิวหนังส่วนใหญ่ มักจะเลือกใช้เจลล้างหน้ามากกว่าโฟมล้างหน้า ดังนั้นหากจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจริงๆ เจลล้างหน้าคงจะกลายเป็นคำตอบสุดท้ายของคำถามนี้

รายละเอียดเกี่ยวกับ โฟมล้างหน้า และเจลล้างหน้าข้างต้น คงพอจะทำให้คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมล่ะว่าทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้มีความแตกต่างกันอย่างไร และสำหรับใครที่เลือกไม่ได้ว่าสภาพผิวของเราควรจะใช้โฟมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้าดี คุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลใจไป เพราะทาง FACELABS ได้คิดค้นและพัฒนาสูตรเจลล้างหน้าที่มีความอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิวอย่าง FACELABS Facial Cleanser Pure Gel ที่สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก ด้วยสารทำความสะอาด Amino acid-based surfactant ที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโน L-glutamic acid และกรดไขมันจากธรรมชาติ Coconut fatty acid อีกทั้ง FACELABS Facial Cleanser Pure Gel ยังปราศจากสารที่อาจจะก่อให้เกิดการระเคืองต่อผิว ไม่ว่าจะเป็น SLS Free, Soap Free, Fragrance Free, Alcohol Free, Paraben Free และ Color Free ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้เลยว่า FACELABS Facial Cleanser Pure Gel คือเจลล้างหน้าที่ดีที่สุดสำหรับผิวของคุณ!

“ผิวสวยสุขภาพดีเริ่มสเต็ปแรกที่ โฟมล้างหน้า”
ใครๆ อาจจะบอกว่า ถ้าอยากผิวดีต้องดูที่เซรั่ม-ครีมเป็นหลัก แต่ความจริงแล้ว Skincare Routine ที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่ การทำความสะอาดผิวหน้า! เพราะถ้าทำความสะอาดไม่ดี ก็อาจจะมีปัญหาผิวตามมาได้ เช่น สะสมสิ่งสกปรกตกค้างจนเพิ่มปัญหาผิวอุดตันจนสิวขึ้นและกลไกผลัดเซลล์ผิวเก่าทำได้ช้าลง สมดุลผิวเสียจากสารชะล้างรุนแรงอย่าง SLS/SLES ฯลฯ
บางคนอาจจะคิดว่า “ถ้างั้นเราก็เลือกตัวแรงที่ทำความสะอาดแบบจัดเต็ม คลีนทุกสิ่งอย่างบนใบหน้าไปเลยดีไหม?”
เดี๋ยวก่อน ..
สิ่งที่ FACELABS อยากบอกก็คือ โฟมล้างหน้า หรือ เจลล้างหน้า ที่ทำความสะอาดสิ่งสกปรกตกค้างออกจากผิวได้หมดจดอาจเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าเกลี้ยงจนไม่เหลือ แม้แต่สมดุลความชุ่มชื้นและน้ำมันตามธรรมชาติที่อยู่บนผิว เพราะ
1) มีโอกาสที่จะเจอ Surfactant รุนแรง ผิวมีโอกาสเสียสมดุล อ่อนแอ-แพ้ง่าย-อักเสบง่าย โดยเฉพาะ โฟมล้างหน้า ที่เหมาะกับผิวผสม-ผิวมัน เนื่องจากถูกออกแบบสูตรมาให้ชะล้างความมันส่วนเกิน (บางครั้งก็เผลอเอาน้ำมันส่วนดีออกจากผิวด้วย)
2) Skin Barrier ถูกทำลาย ส่งผลให้ความชุ่มชื้นหลุดออกจากผิวไว ทำให้ผิวแห้งอย่างรุนแรงในระยะยาว เพิ่มโอกาสให้สารระคายเคือง สารก่อภูมิแพ้ และจุลินทรีย์ที่ไม่เป็นมิตรเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น ซึ่งสามารถกระตุ้นการอักเสบ ก่อให้เกิดสิว และสลายตัวโปรตีนโครงสร้างหลักและคาร์โบไฮเดรตที่จับกับน้ำ อย่าง กรดไฮยาลูรอนิก ฯลฯ มากขึ้น
3) จุลินทรีย์ที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของผิวหนัง ไม่สามารถเกาะและทำหน้าที่บนผิวตามปกติได้
4) จะใช้สกินแคร์แพงมาจากไหน แต่ถ้าผิวแห้งจากการทำความสะอาดผิวในสเต็ปแรก สกินแคร์ก็อาจจะซึมลงผิวได้ไม่ดี ไปจนถึงสารในสกินแคร์ไม่สามารถสื่อกับเซลล์ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น เราเลยอยากชวนคุณมาเปิดใจ ลองเปลี่ยนจากการใช้ โฟมล้างหน้า ด้วยสาร Surfactant แรงๆ มาเป็นเจลล้างหน้าสุดอ่อนโยน ละมุนผิว จาก FACELABS กัน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล