NMF คืออะไร ทำไมจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ผิวแข็งแรงสุขภาพดี

เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนถึงมีผิวที่ชุ่มชื้น นุ่มเด้ง และแข็งแรงแม้ไม่ใช้สกินแคร์หลายขั้นตอน ? เหตุผลอาจมาจาก NMF (Natural Moisturizing Factors) หรือกุญแจสำคัญที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น และปกป้องผิวจากการสูญเสียน้ำ หาก NMF ลดลง ผิวจะแห้ง ลอก และอ่อนแอต่อมลภาวะ แล้วเราจะทำอย่างไร ให้ผิวยังคงรักษาระดับ NMF ไว้ บทความนี้มีคำตอบ
NMF คืออะไร และทำหน้าที่อย่างไร
NMF คือสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติที่ผิวผลิตขึ้นเอง โดยมีหน้าที่สำคัญในการกักเก็บน้ำ ป้องกันการสูญเสียน้ำ และรักษาสมดุลของเกราะป้องกันผิว เพื่อให้ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และแข็งแรง โดยบริเวณที่จะพบ NMF คือชั้นหนังกำพร้า (Stratum Corneum) เป็นชั้นนอกสุดของผิว จะทำหน้าที่เป็นสารดูดซับน้ำ (Humectant) ที่ช่วยให้เซลล์ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนอกจากการรักษาความชุ่มชื้น NMF ยังมีหน้าทำหน้าที่อื่นต่อผิวอีก ดังนี้
- ช่วยรักษาค่า pH ของผิวให้อยู่ที่ประมาณ 4.5-5.5 ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมในการป้องกันแบคทีเรีย และเชื้อโรค อีกทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากสารระคายเคือง และมลภาวะ
- ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ยืดหยุ่น ป้องกันผิวจากการแตกลอก หรือเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- เสริมการทำงานของเอนไซม์ในผิว ซึ่งทำให้การผลัดเซลล์ผิวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดผิวหยาบกร้าน
ส่วนประกอบของ NMF
NMF คือการประกอบกันของสารสำคัญที่ช่วยกักเก็บน้ำ และบำรุงผิว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดี และช่วยรักษาความชุ่มชื้นในเซลล์ผิว นั่นคือ
- กรดอะมิโน (Amino Acids) – องค์ประกอบหลักของ NMF และเป็นสารดูดซับน้ำชั้นดี ช่วยให้ผิวนุ่มลื่น พร้อมคงความชุ่มชื้นได้ยาวนาน ตัวอย่างกรดอะมิโนที่สำคัญ ได้แก่ Serine, Glycine, Alanine เป็นต้น
- Pyrrolidone Carboxylic Acid (PCA) – เป็นสารที่ได้จากกรดอะมิโนในผิว ช่วยให้ผิวดูดซับน้ำ และป้องกันการแห้งกร้านได้ดี
- Lactate (กรดแลคติก) – ช่วยคงความชุ่มชื้นของผิว และมีคุณสมบัติเป็น AHA (Alpha Hydroxy Acid) อ่อน ๆ ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ
- Urea – สารที่มีคุณสมบัติดูดซับน้ำ และกักเก็บน้ำในชั้นผิว นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปอย่างอ่อนโยน
- Ions และ Electrolytes เช่น Sodium, Potassium – ช่วยควบคุมการไหลเวียนของน้ำในชั้นผิว และรักษาสมดุลของผิว
- Hyaluronic Acid (HA) และ Glycerin – เป็นสารที่ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว และคงความชุ่มชื้นไว้ในผิวได้นาน
วิธีเพิ่ม และรักษา NMF ในผิว
หากดูแล NMF ได้ดี ผิวจะชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง และมีเกราะป้องกันที่แข็งแรงขึ้น โดยมีวิธีดูแลดังนี้
- 1. ใช้คลีนเซอร์ หรือเจลล้างหน้าที่อ่อนโยน และมีค่า pH สมดุล
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH ไม่เหมาะสมกับผิวอาจทำให้ NMF ถูกชะล้างออก ดังนั้นควรเลือกคลีนเซอร์ หรือเจลล้างหน้าที่มี pH ใกล้เคียงผิวเพื่อช่วยรักษาสมดุล นอกจากนี้ยังควรเลือกที่ไม่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น SLS, น้ำหอม อีกปัจจัยคือหลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำร้อน เพราะอาจทำให้ NMF ระเหยเร็วขึ้น
- บำรุงผิวด้วยสกินแคร์
เลือกสกินแคร์ที่มีสารที่เป็นองค์ประกอบของ NMF ตามธรรมชาติ เช่น Pyrrolidone Carboxylic Acid (PCA), Hyaluronic Acid, Amino Acids โดยส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยเติมเต็ม กักเก็บน้ำในชั้นผิว เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว และรักษาระดับ NMF ในผิว
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ NMF ลดลง
บางพฤติกรรมอาจส่งผลต่อ NMF โดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น ล้างหน้าบ่อยเกินไป, ขัดผิวแรง หรือใช้สครับหยาบเกินไป, ใช้สบู่ก้อน หรือผลิตภัณฑ์ที่มีสารทำความสะอาดรุนแรง
- กินอาหารที่ช่วยเสริม NMF จากภายใน
– อาหารที่มีไขมันดี เช่น อะโวคาโด, น้ำมันมะกอก, ถั่วอัลมอนด์
– อาหารที่มีกรดอะมิโนสูง เช่น ไข่, ปลา, ถั่วเหลือง
– ผักใบเขียว เนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยให้ผิวแข็งแรง
– โยเกิร์ต และโปรไบโอติก ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียที่ดีในร่างกาย ลดการอักเสบของผิว
ปฏิเสธไม่ได้ว่า NMF คือหัวใจสำคัญของผิว เพราะทั้งช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และเสริมเกราะป้องกันผิว ซึ่งถ้าหาก NMF ลดลง ปัญหาผิวต่าง ๆ ก็จะตามมา ดังนั้นควรบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ และเลือกใช้เจลล้างหน้าที่เหมาะสม พร้อมปรับพฤติกรรมเพื่อช่วยรักษาสมดุลผิว จะทำให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื้น และสุขภาพดียาวนานขึ้น