เบื่อไหมกับการรักษาสิวซ้ำๆ ไม่หายขาดสักที
ทั้งรักษาสิวด้วยตัวเอง หาหมอ เข้าคลินิกรักษาก็แล้ว สิวก็ยังกลับมาเกิดซ้ำ ๆ วนเวียนไปไม่รู้จบหรือที่เรียกกันว่าเป็นสิวเรื้อรัง การเกิดสิวซ้ำๆ อาจเกิดจากหลายสาเหตุทั้งการรักษาไม่ถูกวิธีและประเภทของสิว พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน หรือการเข้าใจผิดจากโรคผิวหนังอื่น ๆ
สิวเรื้อรัง คืออะไร
สิว เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังอย่างหนึ่งและการรักษามักใช้ระยะเวลานาน และมักมีระยะเห่อและระยะสงบสลับไปมาอยู่เรื่อยๆ เช่น เมื่อรักษาสิวอักเสบได้แล้วมักมีสิวอุดตันที่รอวันอักเสบกลับขึ้นมาใหม่ได้เสมอ หากไม่ได้ดูแลรูขุมขนให้กลับมาเป็นปกติหรือกำจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขนออกให้หมด
สาเหตุการเป็นสิวเรื้อรัง
- รักษาสิวไม่หมด
ก่อนการรักษาสิวเราควรรู้ถึงประเภท ความรุนแรง และสาเหตุของการเกิดสิวที่ตัวเองเผชิญอยู่เพื่อการรักษาที่ตรงจุดและได้ผลมากยิ่งขึ้น และหลายคนเมื่อรักษาสิวอักเสบได้แล้วมักรักษารอยแดงรอยดำจากสิวอักเสบในทันที แต่ไม่มีการกำจัดสิวอุดตันที่อยู่ในรูขุมขนออกให้หมดจึงมีโอกาสที่สิวจะกลับมาเกิดซ้ำๆ ได้อีก - พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
ความเครียด การกิน การนอนหลับ และการใช้ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสมสามารถกระตุ้นให้เกิดสิวใหม่ได้เสมอ - เป็นโรคผิวหนังอื่น ๆ
หลายคนเมื่อทำการรักษาสิวแล้วไม่หายสักทีทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นสิวเรื้อรัง แต่ความจริงแล้วผิวเราอาจเผชิญกับโรคผิวหนังอักเสบชนิดอื่น เช่น ผื่นเซบเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) โรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อยีสต์ หรือผดร้อน เป็นต้น การรักษาที่แตกต่างจากการรักษาสิวจึงทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่ารักษาสิวไม่หายนั่นเอง
3 วิธีบอกลาสิวซ้ำซาก
- ลดการอุดตันและความมันบนผิว
การทำความสะอาดผิวเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยลดการเกิดสิวได้ โดยต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีความเหมาะสมและอาจ double clean ด้วยโทนเนอร์เพื่อให้แน่ใจว่าจะขจัดความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขนได้หมด - ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่เหมาะสม
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่เหมาะกับประเภทของสิวเพื่อเป็นการรักษาอย่างตรงจุดและได้ผลมากที่สุด เช่น ถ้าเป็นสิวอุดตันควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดความมัน หากเป็นสิวอักเสบควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยลดการอักเสบและลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียมากยิ่งขึ้นหลังจากนั้นควรกำจัดสิวที่อุดตันออกให้หมดเพื่อป้องกันการเกิดสิวซ้ำ เป็นต้น - การดูแลตัวเองจากภายใน
เปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตัวเองจากภายใน เช่น การกินอาหารที่เป็นประโยชน์ การดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อยู่ในสภาวะเครียดนานจนเกินไป และการใช้สกินแคร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เป็นต้น