[:th]รถหัดเดินทำให้ลูกเดินได้เร็ว...จริงหรอ? 1[:]

รถหัดเดินทำให้ลูกเดินได้เร็ว…จริงหรอ?

      คุณพ่อคุณแม่หลายคนซื้อของเล่นหรืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อมาเสริมสร้างไปกับพัฒนาการของลูกในแต่ละวัย รถหัดเดินก็เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่มักถูกนำมาใช้เพราะคุณพ่อคุณแม่หลายคนมีความเชื่อว่าช่วยให้ลูกเดินได้เร็วขึ้นและหลายๆ คนนำมาใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงเพราะไม่ว่าง ต้องทำงานบ้าน ไม่สามารถดูแลลูกได้ตลอดเวลา รถหัดเดินจึงเป็นเหมือนกับที่วางเด็กไว้โดยไม่ต้องดูแลเอง นั่นจึงเป็นสาเหตุหลักที่มักทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อเด็กโดยไม่คาดคิดค่ะ

  • อยากให้ลูกเดินเร็วๆ รถหัดเดิน ไม่จำเป็นอย่างที่คิด
         รถหัดเดินเป็นอุปกรณ์ที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนมักซื้อให้ลูก เพราะเชื่อว่าจะทำให้ลูกทรงตัวและเดินได้เร็วขึ้น แต่ความจริงแล้วลักษณะที่มีล้อหมุนได้โดยรอบทิศทาง สามารถทำให้รถเคลื่อนที่ได้ง่ายแค่เด็กขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโดยเด็กยังไม่ทันก้าวเดินด้วยซ้ำ ส่วนมากเริ่มนำมาใช้ตอนที่เด็กอายุ 8 เดือนขึ้นไป หรืออยู่ในช่วงที่เด็กที่พัฒนาการของกล้ามเนื้อขาและการทรงตัวได้เองบ้างแล้ว ด้วยลักษณะของการมีล้อเพื่อให้เกิดการเคลื่อนที่ตามแรงที่เด็กเคลื่อนไหว หากขาดการดูแลอย่างใกล้ชิดอาจทำให้เกิดอันตรายต่อลูกอย่างไม่คาดคิดได้ เช่น ไถลจากพื้นต่างระดับหรือบันได พลิกคว่ำ ชนกับสิ่งของ เป็นต้น

     โดยทางการแพทย์แล้วรถหัดเดินไม่ได้ช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกอย่างที่คิด และลักษณะท่าเดินของเด็กที่ใช้รถหัดเดินจะไม่ใช่ท่าเดินแบบปกติ ปกติแล้วเวลาเด็กเริ่มฝึกเดินจะต้องใช้ส้นเท้าในการก้าวก่อน แต่เด็กที่ใช้รถหัดเดินจะใช้ปลายเท้าจิกพื้นในการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าแทน เด็กที่ใช้รถหัดเดินเป็นประจำยังมีพัฒนาการด้านการเดินได้ช้ากว่าเด็กที่ฝึกเดินด้วยตัวเองอีกด้วย และรถหัดเดินที่เรามักเรียกกันความจริงแล้วเป็นเพียงรถที่ช่วยในการพยุงตัวเด็กเท่านั้นแต่ไม่ได้ช่วยส่งเสริมหรือพัฒนาการเดินของเด็กอย่างที่คิดเลยค่ะ

  • ลูกควรเดินตอนอายุเท่าไหร่ ?
         การเดินของเด็กมักอยู่ในพัฒนาการช่วงปีแรกและเด็กบางคนอาจไม่ยอมเดินจนอายุ 14 เดือน แต่หากสังเกตว่าลูกยังมีการทรงตัว การยืน หรือพยายามจะเคลื่อนไหวไปข้างหน้าก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ คุณพ่อคุณแม่อาจจะเห็นพัฒนาการเดินของลูกในไม่ช้า หากลูกยังไม่ยอมเดินจนอายุ 18 เดือน ควรปรึกษาแพทย์ว่ามีปัญหาด้านพัฒนาการหรือไม่

  • ฝึกลูกเดินโดยไม่ใช้รถหัดเดิน
         1. ฝึกเกาะ
         ฝึกให้ลูกเกาะกับสิ่งของต่างๆ รอบบ้าน ให้ลูกฝึกใช้แรงและกล้ามเนื้อของตัวเองในการพยายามเคลื่อนไหวร่างกาย โดยอาจเริ่มจากการให้เกาะขอบเตียง เก้าอี้ โต๊ะ หรือฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในบ้านที่มีระดับเดียวกับเด็กให้เขาได้ฝึกทรงตัวในการบืนให้มั่นคงก่อน แล้วค่อยพยายามเคลื่นตัวไปข้างหน้าช้าๆ
    ข้อควรระวัง : ระวังการล้มกระแทกของลูกกับขอบเฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะแข็งหรือมุมแหลม ควรเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นพลาสติกหรือมีเบาะคลุมตามขอบมุมต่างๆ และควรมีการดูแลของคุณพ่อคุณแม่เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่อลูกค่ะ

              2. ฝึกเดินเท้าเปล่า
     ปล่อยให้เท้าของลูกได้สัมผัสกับพื้นที่เขาเดิน โดยให้เท้าของลูกรับรู้ความรู้สึกของการสัมผัสกับลักษณะพื้นที่แตกต่างกัน เช่น พื้นกระเบื้อง พื้นปูน พื้นดิน พื้นหญ้า หรือพื้นทราย เพื่อให้ลูกฝึกการทรงตัวในพื้นลักษณะต่างๆ และกระตุ้นให้ลูกให้เกิดการอยากเดินมากขึ้น
ข้อควรระวัง : ควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและระวังสิ่งแปลกปลอมบนพื้นที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกได้

              3. ฝึกเดินไปพร้อมกับลูก
     จับมือลูกไปให้เดินไปพร้อมๆ กัน โดยยืนอยู่ข้างหลังของลูกเพื่อให้เขาฝึกเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง หรือหากลูกเริ่มทรงตัวได้แล้วและอยากให้เขาเดินด้วยตัวเอง อาจส่งเสียงเชียร์หรือใช้ของเล่นที่มีเสียงเป็นการหลอกล่อให้เขาก้าวเดิน และวิธีนี้จะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นใจในการเดินมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
ข้อควรระวัง : ไม่ควรกดดันลูกจนเกินไปเพราะเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการช้าเร็วที่แตกต่างกัน และไม่ควรบังคับลูกให้เดินหากเขาไม่พร้อมจะเดิน

     เห็นไหมล่ะคะว่ามีอีกหลายวิธีที่ปลอดภัยและเสริมสร้างพัฒนาการของลูกในวัยเตาะแตะ ให้เขาได้ฝึกเดินอย่างเป็นธรรมชาติและมีการเดินที่ถูกต้องได้ดีกว่าการใช้รถหัดเดิ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล